Page 18 - งานวิจัย - www.culture.go.th/research

Basic HTML Version

๑.๒ ปรากฏการณ์
วิ
ทยา (Phenomenology) เป็
นวิ
ธี
การศึ
กษาที่
มี
แนวคิ
ดสํ
าคั
ญคื
อ “อะไรคื
รู
ปแบบและประสบการณ์
สํ
าคั
ญในชี
วิ
ตของบุ
คคลนั้
น ๆ” โดยให้
บุ
คคลอธิ
บายถึ
งเรื่
องราวและ
ประสบการณ์
ต่
าง ๆ ที่
ตนเองประสบ เพราะมี
ความเชื่
อว่
ามนุ
ษย์
เราจะรู้
ดี
ในเรื่
องที่
ตนเองมี
ประสบการณ์
มาก่
อน โดยการรั
บรู้
และเข้
าใจความหมายในขณะที่
มี
สติ
สั
มปชั
ญญะอยู่
นั่
นคื
อ เริ่
มแรกความเข้
าใจของ
มนุ
ษย์
เกิ
ดจากการรั
บรู้
ซึ่
งสั
มผั
สผ่
านประสบการณ์
ต่
าง ๆ ซึ่
งประสบการณ์
เหล่
านั้
น จะผ่
านการกลั่
นกรอง
ตี
ความเสี
ยก่
อนจากนั้
นนํ
ารายละเอี
ยดของการรั
บรู้
และการตี
ความมาผสมผสานกลมกลื
นจนเป็
นเนื้
เดี
ยวกั
น ดั
งนั้
นการตี
ความจึ
งเป็
นส่
วนสํ
าคั
ญอย่
างยิ่
งที่
จะทํ
าให้
มนุ
ษย์
เข้
าใจถึ
งประสบการณ์
ต่
าง ๆ ได้
การนํ
าแนวคิ
ดเกี่
ยวกั
บปรากฏการณ์
นิ
ยมมาใช้
ในงานวิ
จั
ยเชิ
งคุ
ณภาพจํ
าเป็
นต้
องแยกแยะ
ประเด็
นเกี่
ยวกั
บ “เนื้
อหา” และ “วิ
ธี
การ” ออกจากกั
น เนื้
อหาของปรากฏการณ์
นิ
ยมให้
ความสํ
าคั
ญว่
บุ
คคลนั
น ๆ ได้
ประสบการณ์
และการตี
ความเกี่
ยวกั
บโลกอย่
างไร สํ
าหรั
บประเด็
นเกี่
ยวกั
บวิ
ธี
การ คื
อการที่
จะเรี
ยนรู้
เกี่
ยวกั
บประสบการณ์
ของบุ
คคลอื่
นได้
จริ
ง ผู้
วิ
จั
ยต้
องเข้
าไปอยู่
ในประสบการณ์
นั้
นจริ
ง ๆ ซึ่
งก็
คื
การใช้
วิ
ธี
การสั
งเกตแบบมี
ส่
วนร่
วมนั่
นเอง
แนวคิ
ดสํ
าคั
ญอี
กประการหนึ
งของปรากฏการณ์
วิ
ทยาคื
อ การแบ่
งปั
นความสํ
าคั
ญของ
ประสบการณ์
ด้
วยการตรวจสอบความหมายโดยการรั
บรู้
ถ่
ายโอนและตรวจสอบกั
บบุ
คคลที่
ผ่
าน
ประสบการณ์
เช่
นเดี
ยวกั
นมาแล้
ว การตรวจสอบความสํ
าคั
ญและความหมายของประสบการณ์
ว่
าเป็
ปรากฏการณ์
อย่
างเดี
ยวกั
นโดยการนํ
าประสบการณ์
ของแต่
ละบุ
คคลมาแยกแยะพิ
จารณาวิ
เคราะห์
เปรี
ยบเที
ยบ ตรวจสอบหาความคล้
ายคลึ
งและความแตกต่
างกั
นเพื่
อค้
นหาประสบการณ์
ร่
วมที่
สํ
าคั
ผู้
วิ
จั
ยนํ
าแนวคิ
ดปรากฏการณ์
วิ
ทยา มาใช้
ในการรั
บรู้
เกี่
ยวกั
บประสบการณ์
ของบุ
คคลอื่
นอย่
าง
แท้
จริ
ง โดยเข้
าไปอยู่
ในประสบการณ์
นั้
นด้
วยตนเอง ใช้
วิ
ธี
การสั
งเกตแบบมี
ส่
วนร่
วม รวมทั้
งการให้
บุ
คคลที่
มี
ส่
วนเกี่
ยวข้
องกั
บการแสดงลิ
เก (ในงานวิ
จั
ยนี้
ได้
แก่
หั
วหน้
าคณะ ศิ
ลปิ
นลิ
เก ผู้
บรรเลงดนตรี
นั
กวิ
ชาการ
เจ้
าภาพ ผู้
จั
ดทํ
าหรื
อจั
ดจํ
าหน่
ายวี
ซี
ดี
การแสดงลิ
เก และประชาชนทั่
วไป) ได้
อธิ
บายถึ
งเรื่
องราวและ
ประสบการณ์
ต่
าง ๆ ที่
ตนเองประสบ ตลอดจนแสดงความคิ
ดเห็
นในเรื่
องต่
าง ๆ โดยใช้
วิ
ธี
การสั
มภาษณ์
บุ
คคลเหล่
านั้
นด้
วยตนเอง หลั
งจากที่
ได้
ข้
อมู
ลจากการสั
งเกต และสั
มภาษณ์
แล้
วนํ
ามาตรวจสอบ
ความสํ
าคั
ญและความหมายของประสบการณ์
โดยการนํ
าคํ
าตอบจากการให้
สั
มภาษณ์
ของ แต่
ละบุ
คคลมา
แยกแยะพิ
จารณาวิ
เคราะห์
เปรี
ยบเที
ยบ ตรวจสอบหาความคล้
ายคลึ
งและความแตกต่
างกั
นเพื่
อค้
นหา
ประสบการณ์
ร่
วมที่
สํ
าคั
ญ และนํ
ามาสรุ
ปเป็
นข้
อมู
ลของการวิ
จั
ยในครั้
งนี้
๑.๓ ทฤษฎี
การแสดง (Performance Theory) พิ
เชฐ สายพั
นธ์
และนฤพนธ์
ด้
วงวิ
เศษ (๒๕๔๑
: ๑๓) กล่
าวถึ
งแนวคิ
ดทฤษฎี
การแสดงสรุ
ปได้
ว่
า ทฤษฎี
การแสดงมี
พื้
นฐานอยู่
ที่
ความสั
มพั
นธ์
สองประการ
ประการที่
หนึ่
งคื
อ ผู้
คนมี
ความคิ
ดต่
อวั
ฒนธรรมในฐานะที่
ถู
กห่
อหุ้
มด้
วยการแสดง ซึ่
งสามารถแสดงให้
เห็
ได้
ทั้
งต่
อคนภายนอก และผู้
ที่
อยู่
ในกลุ
มวั
ฒนธรรมของตั
วเอง ประการที่
สอง การแสดงดั
งกล่
าวต้
องทํ
าให้
เป็
นที่
ต้
องตา ติ
ดใจมากที่
สุ
ด เพราะมี
ข้
อจํ
ากั
ดในเรื่
องของเวลา โอกาสของการแสดง สถานที่
คนดู
การ
แสดงทางวั
ฒนธรรมจึ
งเป็
นวิ
ธี
การที่
เนื้
อหาของพิ
ธี
กรรมแบบประเพณี
ได้
ถู
กจั
ด และถ่
ายทอดผ่
านโอกาส
เฉพาะ และสื่
อเฉพาะ
ผู้
วิ
จั
ยใช้
กรอบแนวคิ
ดทฤษฎี
การแสดง เพื่
อศึ
กษาแนวทางการอนุ
รั
กษ์
และพั
ฒนาลิ
เก โดยศึ
กษา
จากการสั
มภาษณ์
คณะลิ
เก ผู้
เกี่
ยวข้
อง และประชาชนทั่
วไปซึ่
งเป็
นผู้
ชม