Page 173 - งานวิจัย - www.culture.go.th/research

Basic HTML Version

๑๖๓
รู
ปแบบที่
หลากหลายมากขึ้
น มี
การประดั
บตกแต่
งด้
วยเพชร คริ
สตั
นหรื
อกระจกมากขึ้
น เครื่
องประดั
บตาม
ร่
างกายก็
เน้
นความอลั
งการมากขึ้
นจนบางครั้
งดู
รุ
งรั
งมากไปในสายตาของบุ
คคลอื่
น จึ
งมี
คํ
ากล่
าว
เปรี
ยบเที
ยบคนที่
แต่
งตั
วมากเกิ
นพอดี
ว่
า “แต่
งตั
วเหมื
อนลิ
เก” แต่
ในความรู้
สึ
กของลิ
เกนั้
นถื
อว่
าจะต้
อง
แต่
งให้
สวยงามสะดุ
ดตาและถู
กใจผู้
ชมเป็
นสํ
าคั
ญ ดั
งนั้
นการแต่
งกายของลิ
เกในปั
จจุ
บั
นจึ
งไม่
มี
ขี
ดจํ
ากั
ดว่
ต้
องแค่
ไหน ไม่
เหมื
อนการแต่
งกายของโขน ละคร หรื
อการแสดงอย่
างอื่
นที่
กํ
าหนดรู
ปแบบของเครื่
องแต่
กายไว้
เป็
นแบบแผน อย่
างไรก็
ตามเครื่
องแต่
งกายนั้
นถื
อว่
าเป็
นเอกลั
กษณ์
ที่
แสดงความเป็
นลิ
เกได้
อย่
าง
ชั
ดเจนที่
สุ
การที่
ลิ
เกได้
ปรั
บเปลี่
ยนหรื
อพั
ฒนาภู
มิ
ปั
ญญาบางอย่
างนั้
นก็
เพื่
อให้
เข้
ากั
บยุ
คสมั
ย หรื
อให้
เหมาะสมกั
บสภาพสั
งคมและสิ่
งแวดล้
อมที่
เปลี่
ยนแปลงไป ซึ่
งสอดคล้
องกั
บแนวคิ
ดของวิ
มล จิ
โรจพั
นธ์
และคณะ. (๒๕๔๘ : ๑๒๔) ที่
กล่
าวว่
า “ภู
มิ
ปั
ญญาไทยเป็
นเรื่
องของการแก้
ปั
ญหา การจั
ดการ การปรั
บตั
การเรี
ยนรู้
เพื่
อความอยู่
รอดของบุ
คคลชุ
มชน และสั
งคม” อี
กทั้
งเป็
นการสร้
างความประทั
บใจให้
ผู้
ชมเกิ
ความนิ
ยมชมชอบ และคอยติ
ดตามผลงานการแสดงอยู่
เสมอ ซึ่
งสอดคล้
องกั
บทฤษฎี
การแสดงที่
พิ
เชฐ
สายพั
นธ์
และนฤพนธ์
ด้
วงวิ
เศษ (๒๕๔๑ : ๑๓) กล่
าวว่
า “การแสดงต้
องทํ
าให้
เป็
นที่
ต้
องตา ติ
ดใจมาก
ที่
สุ
ด เพราะมี
ข้
อจํ
ากั
ดในเรื่
องของเวลา โอกาสของการแสดง สถานที่
คนดู
” จึ
งทํ
าให้
ลิ
เกยั
งคงเป็
นที่
นิ
ยม
อย่
างแพร่
หลายและอยู่
คู่
สั
งคมไทยตลอดมา
จากการศึ
กษาภาพสะท้
อนทางวั
ฒนธรรมที่
ปรากฏอยู่
ในการแสดงลิ
เก สามารถกล่
าวได้
ว่
า ลิ
เก
นั้
นเป็
นศู
นย์
รวมแห่
งวั
ฒนธรรมอั
นดี
งามที่
หลากหลายซึ่
งเป็
นวิ
ถี
การดํ
าเนิ
นชี
วิ
ตของสั
งคมที่
มี
ความ
เกี่
ยวข้
องกั
บบุ
คคลหลายฝ่
าย ทั้
งตั
วศิ
ลปิ
นลิ
เกเอง นั
กดนตรี
และผู้
มี
หน้
าที่
ฝ่
ายอื่
น ๆ ในคณะลิ
เก
นอกจากนี้
ยั
งรวมถึ
งผู้
ชม ผู้
จั
ดหาหรื
อว่
าจ้
างลิ
เกไปแสดงด้
วย วั
ฒนธรรมต่
าง ๆ ที่
ปรากฏอยู่
ในการแสดง
ลิ
เก ไม่
ว่
าจะเป็
นขนบประเพณี
ค่
านิ
ยมและความเชื่
อ การสะท้
อนวิ
ถี
ชี
วิ
ตความเป็
นไทย การใช้
ภาษา
วรรณคดี
และวรรณกรรม ศิ
ลปกรรมด้
านนาฏศิ
ลป์
ดนตรี
จิ
ตรกรรม รวมถึ
งการปลู
กฝั
งคุ
ณธรรม
จริ
ยธรรม สิ่
งเหล่
านี้
ได้
สื
บทอดต่
อกั
นมาจากอดี
ตสู่
ปั
จจุ
บั
นอย่
างไม่
เปลี่
ยนแปลงเพราะถื
อว่
าเป็
นเอกลั
กษณ์
ของลิ
เกที่
ต้
องรั
กษาไว้
แต่
ขณะเดี
ยวกั
นก็
มี
วั
ฒนธรรมบางส่
วนได้
มี
การประดิ
ษฐ์
คิ
ดค้
นหรื
อสร้
างสรรค์
ขึ้
ใหม่
ตามยุ
คตามสมั
ย หรื
อบางส่
วนอาจรั
บมาจากสั
งคมอื่
น รวมถึ
งการรั
บกระแสวั
ฒนธรรมต่
างชาติ
ที่
เผยแพร่
เข้
ามาทางสื่
อต่
าง ๆ โดยเฉพาะอย่
างยิ่
งสื่
อเทคโนโลยี
สมั
ยใหม่
ที่
ทํ
าให้
รั
บทราบข้
อมู
ลข่
าวสารได้
อย่
างไร้
พรมแดน ซึ่
งสอดคล้
องกั
บแนวคิ
ดของกรมศิ
ลปากร (๒๕๔๐ : ๑๔ - ๑๕) ที่
กล่
าวว่
า “...วั
ฒนธรรม
ย่
อมเปลี่
ยนแปลงไปตามเงื่
อนไขและกาลเวลา เมื่
อมี
การประดิ
ษฐ์
หรื
อค้
นพบสิ่
งใหม่
วิ
ธี
ใหม่
ที่
ใช้
แก้
ปั
ญหา
และตอบสนองความต้
องการของสั
งคมได้
ดี
กว่
า ย่
อมทํ
าให้
สมาชิ
กของสั
งคมเกิ
ดความนิ
ยม และในที่
สุ
ดอาจ
เลิ
กใช้
วั
ฒนธรรมเดิ
ม การจะรั
กษาวั
ฒนธรรมเดิ
มไว้
ได้
จึ
งต้
องปรั
บปรุ
งเปลี่
ยนแปลง หรื
อพั
ฒนาวั
ฒนธรรม
นั้
นให้
เหมาะสม มี
ประสิ
ทธิ
ภาพตามยุ
คสมั
ย...” อย่
างไร ก็
ตามเมื่
อศิ
ลปิ
นลิ
เกทั้
งหลายยอมรั
บและยึ
ดถื
เป็
นแบบแผนประพฤติ
ปฏิ
บั
ติ
ร่
วมกั
นก็
ย่
อมถื
อว่
าเป็
นวั
ฒนธรรมของลิ
เก ซึ่
งวั
ฒนธรรมของลิ
เกก็
คื
อภาพ
สะท้
อนที่
เป็
นส่
วนหนึ่
งของวั
ฒนธรรมไทยนั่
นเอง
การนํ
าหลั
กปรั
ชญาเศรษฐกิ
จพอเพี
ยงมาใช้
กั
บวงการลิ
เกนั้
นหากมองอย่
างผิ
วเผิ
นอาจจะคิ
ดว่
าทํ
ได้
ยาก เพราะถ้
ามองในด้
านความพอประมาณแล้
วจะเห็
นว่
าในสภาพสั
งคมปั
จจุ
บั
นนี้
ลิ
เกต้
องปรั
บเปลี่
ยน
และพั
ฒนาตนเองในทุ
ก ๆ ด้
านเพื่
อสร้
างความนิ
ยมชมชอบให้
แก่
ผู้
ชมจึ
งต้
องใช้
งบประมาณและทรั
พยากร
ต่
าง ๆ จํ
านวนมากในการสร้
างสรรค์
ผลงานการแสดงซึ่
งมี
องค์
ประกอบหลายอย่
าง แต่
ถ้
าพิ
จารณาอย่
าง
รอบคอบแล้
วจะเห็
นว่
าในวิ
ถี
การดํ
าเนิ
นชี
วิ
ตลิ
เกได้
นํ
าปรั
ชญาเศรษฐกิ
จพอเพี
ยงมา