พลวัตการปฏิสัมพันธ์และชาติพันธุ์ธำรงของชาวเกาะลันตา จังหวัดกระบี่
งานวิจัยนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาพลวัตการปฏิสัมพันธ์และการธำรงชาติพันธุ์ของชาวเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ภายใต้ความหลากหลายทางชาติพันธุ์อันประกอบด้วย ชาวเล ชาวมุสลิม ชาวจีนและชาวไทย ผ่านยุคสมัยของประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ตั้งแต่ยุคการตั้งถิ่นฐาน จนกระทั่งถึงยุคการท่องเที่ยวและยุคหลังภัยพิบัติสึนามิ โดยใช้ระเบียบวิธีการวิจัยเชิงคุณภาพและเทคนิควิธีทางมานุษยวิทยาในการเก็บข้อมูลภาคสนาม ด้วยการเข้าไปอาศัยในชุมชนเพื่อสัมภาษณ์อย่างไม่เป็นทางการและสังเกตอย่างมีส่วนร่วม ผลการวิจัยพบว่า เกาะลันตาเป็นแหล่งอพยพหลบภัยทางธรรมชาติและทางการเมืองของผู้คนหลายกลุ่มชาติพันธุ์หลายยุคสมัย เอกสารเก่าของทางราชการได้บันทึกเรื่องราวความไร้ระเบียบที่เกิดจากการเข้ามาพักอาศัยของผู้คนเหล่านี้ จำเป็นต้องใช้กฎหมายในการจัดระเบียบ ความไร้ระเบียบนี้เป็ นส่วนหนึ่งของวิภาษวิธีซึ่งจะทำให้เกิดกระบวนการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง เกิดสิ่งใหม่ ๆ ระบบใหม่ ๆ ที่ยอมรับได้จนกว่าจะมีความขัดแย้งและสร้างสิ่งใหม่ขึ้นอย่างเป็นพลวัต ข้อมูลจากประวัติศาสตร์ท้องถิ่นได้แสดงถึงปฏิสัมพันธ์ในลักษณะพิเศษที่เป็นปัจจัยเชื่อมโยงให้ชาวเกาะลันตาอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ มีโครงสร้างการปฏิสัมพันธ์ที่ประกอบด้วยความร่วมมือกันทางเศรษฐกิจ การแต่งงานข้ามกลุ่มชาติพันธุ์ การยกลูกให้เป็นลูกบุญธรรมแก่กันการให้ลูกเป็นเกลอกัน การพึ่งพาหมอตำแยร่วมกัน การแลกเปลี่ยน แบ่งปันเสื้อผ้า อาหารและของใช้จำเป็น การเข้าร่วมงานประเพณีซึ่งกันและกัน การศึกษาในโรงเรียนเดียวกันและการรับวัฒนธรรมต่างกลุ่มเข้ามาผสมผสานกับวัฒนธรรมดั้งเดิมของตน ตลอดจนสำนึกร่วมในประวัติศาสตร์ท้องถิ่นส่งผลต่อการสร้างอัตลักษณ์ร่วมของชาวเกาะลันตา แต่นโยบายรวมชาติให้เป็นหนึ่งเดียวสมัยจอมพล ป. พิบูลสงครามส่งผลให้วัฒนธรรมจากส่วนกลางเข้ามาครอบงำวัฒนธรรมดั้งเดิมทำให้เกิดชนชั้นทางสังคม ขณะเดียวกันความแตกต่างด้านอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์เป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้แต่ละกลุ่มชาติพันธุ์ต่างธำรงอัตลักษณ์และพรมแดนทางชาติพันธุ์ของตนสืบมาและยังคงสำนึกรู้ว่าตนเองเป็นชาวเล ชาวจีน ชาวมุสลิม หรือชาวไทย อย่างไรก็ตาม เหตุปัจจัยจากความแตกต่างด้านการศึกษา
ฐานะทางเศรษฐกิจ จำนวนประชากร และการเข้ามาของสื่อวัฒนธรรมในยุคท่องเที่ยว รวมทั้งการเข้ามาให้ความช่วยเหลือขององค์กรต่างๆ ในยุคหลังภัยพิบัติสึนามิส่งผลต่อพลวัตการปฏิสัมพันธ์และการธำรงอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ของชาวเกาะลันตา แม้โครงการฟื้ นฟูวิถีชีวิตดั้งเดิมและการจัดระบบนิเวศที่ยั่งยืนหลังภัยพิบัติสึนามิ จะส่งเสริมให้ชาวเกาะลันตาเข้าร่วมเป็นภาคีเครือข่ายชุมชนคนเกาะเดียวกัน มีการสร้างพิพิธภัณฑ์ชุมชนเพื่อเป็นศูนย์รวมของชาวเกาะลันตา และบางชุมชน ประสบความสำเร็จในการจัดตั้งเป็นชุมชนเข้มแข็ง แต่โดยภาพรวมสังคมวัฒนธรรมของชาวเกาะลันตาได้ปรับเปลี่ยนไปสู่บริบทใหม่ที่มีลักษณะเป็นปัจเจกมากขึ้น ชาวเกาะลันตาจึงต้องตั้งรับและปรับตัวให้ทันต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ต่อไป
The objective of the research was to study the dynamics of interactions and ethnic maintenance of Lanta Islanders in the context of multi-ethnic communities, including Sea-gypsies, Muslim Thai, Chinese Thai and Siamese Thai. The research investigated local history of Lanta Island since the early settlement era until the tourism and tsunami era by using qualitative research method and anthropological approach through participant observation and in-depth interviews. Lanta became a shelter for various groups of people who fled from natural disasters and from politics crisis. Lanta old documents recorded disorder and disruption from intermingling of peoples. It became necessary to use the law in order to reach social agreement and order. This may be a part of dialectics, that is, there was conflict or confusion which gave rise to movement or change. Data about local history indicated special relationships that built harmony among Lanta
Islanders, namely economic cooperation, cross-cultural marriage, sharing the same midwives, child adoption, creating social bonds between children, exchanging and occasionally sharing food, clothes and other necessities, joining in each other’s traditional ceremonies, and integrating cultural features. The sense of belonging to common Lanta identity was also created by attending the same school and sharing of local history. The policy to unite the nation and to create Thai
identity under Phibulsongkhram’s rule resulted in the domination of “centralized culture” over “local cultures” and resulted in a more hierarchical society. At the same time, ethnic groups on Lanta Island still maintain their own traditions. However, the coming of media culture in the tourism era and the assistance from many organizations and institutions after the tsunami disaster gradually brought changes into Lanta Island. Although the project of “The Indigenous Livelihood
Restoration and Sustainable Ecology for Lanta Island” facilitated the strengthening of Lanta Islanders common identity through creating an inter-ethnic island network and a community museum, yet new wave of changes are rapidly coming into Lanta. The Islanders will have to be prepared to face these new challenges in order to maintain their physical and cultural survival.