บทเรียนการดำเนินงานสภาวัฒนธรรม
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ๑) ศึกษาสภาพการณ์และบทเรียนการดาเนินงานสภาวัฒนธรรม ตั้งแต่เริ่มจัดตั้งถึงปัจจุบัน และ ๒) วิเคราะห์ปัจจัยที่สัมพันธ์กับการดาเนินงานของสภาวัฒนธรรม โดยการประยุกต์ใช้ระเบียบวิธีของการวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพประกอบกัน วิธีการวิจัยเชิงปริมาณ ใช้การวิจัยบรรยาย โดยศึกษาจากสภาวัฒนธรรม ๗๖๓ แห่ง ผู้ตอบแบบสอบถามคือประธานหรือเลขาธิการสภาวัฒนธรรม เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถามที่ผ่านการตรวจสอบว่ามีคุณภาพในระดับสูง วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยาย (จานวน ร้อยละ ฐานนิยม ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) และใช้สถิติอ้างอิง โดยการวิเคราะห์ค่าสหสัมพันธ์ตามวิธีการของเปียร์สัน การวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ โดยการหาค่าอานาจการทานายและสมการทานาย และวิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ เป็นการศึกษาข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยประยุกต์ใช้การวิจัยคุณภาพ โดยการศึกษาภาคสนาม ใช้การเก็บรวบรวมข้อมูลหลายวิธีประกอบกัน ได้แก่ การสัมภาษณ์กลุ่มผู้ให้ข้อมูลสาคัญ การศึกษาเอกสาร และการสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม จากสภาวัฒนธรรมที่มีประสิทธิภาพสูงในการดาเนินงานตามหน้าที่ที่กาหนดไว้ ที่ได้รับการเลือกอย่างเฉพาะเจาะจงตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย ๖ จังหวัด ใน ๖ ภูมิภาค คือ แพร่ เลย พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา กาญจนบุรี และกระบี่ ตรวจสอบข้อมูลแบบสามเส้าด้านข้อมูลและด้านวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการวิเคราะห์เนื้อหาแบบสร้างข้อสรุปโดยการจาแนกชนิดข้อมูล
The research objectives were 1) to study situations and lessons of cultural council implementations and 2) to analyze related factors of cultural council implementations. Quantitative research methodology, samples were 763 cultural councils. Data collected by questionnaires was reliable and analyzed by descriptive statistics (percentage, central tendency, deviation) and inference statistics (multiple regressions). Qualitative research methodology, applied field study by focus group interview, documentary analysis and non-participatory observation. 6 provinces in 6 regions (Phrae, Loi, Pra Nakorn Sri Ayuthaya, Chacherngsao, Kanchana Buri, and Krabi) were purposive sampling. Data analyzed by content analysis.