Page 131 - งานวิจัย - www.culture.go.th/research

Basic HTML Version

113
และพบระบํ
าพนมรุ
ง ของมหาวิ
ทยาลั
ยราชภั
ฏบุ
รี
รั
มย์
ส่
วนในกั
มพู
ชา พบระบํ
าอั
ปสรา ผู
วิ
จั
ยได้
ศึ
กษาภาพศิ
ลาจํ
าหลั
กโบราณสถานในประเทศไทยและกั
มพู
ชา โดยเฉพาะทั
บหลั
งปราสาทศี
ขรภู
มิ
เป็
นทั
บหลั
งที่
มี
ความสมบู
รณ์
สวยงามมาก และมี
ภาพเล่
าเรื่
องตํ
านานการฟ้
อนรํ
าของอิ
นเดี
ย ที่
มี
ภาพพระศิ
วะทรงฟ้
อนรํ
า พระสุ
รั
สวดี
ดี
ดพิ
ณ พระอิ
นทร์
เป่
าขลุ
ย พระพรหมตี
ฉิ ่
ง พระลั
กษมี
ทรง
ขั
บร้
อง เมื่
อพิ
จารณาภาพสลั
กที่
ปราสาทนครวั
ด พบท่
ารํ
านางอั
ปสรามากมาย เห็
นการแต่
งกาย ท่
รํ
า และดนตรี
ที่
ปรากฏในนั
น ทํ
าให้
ผู
วิ
จั
ยได้
แนวคิ
ดที่
จะประดิ
ษฐ์
ท่
ารํ
าจากภาพศิ
ลาจํ
าหลั
กให้
ออกมาโลดแล่
นมี
ชี
วิ
ตเชื่
อมโยงกั
บวั
ฒนธรรมท้
องถิ ่
น เพื่
อสร้
างอั
ตลั
กษณ์
ด้
านศิ
ลปะการแสดง
พื
นบ้
าน จากการศึ
กษาภาพจํ
าหลั
กปราสาทศี
ขรภู
มิ
โดยละเอี
ยด ทํ
าให้
มองเห็
นว่
าลั
กษณะท่
าฟ้
อน
จากภาพจํ
าหลั
กปราสาทศี
ขรภู
มิ
เป็
นภาพสลั
กเล่
าเรื่
องท่
ามกลางลายพั
นธุ
พฤกษา มี
ภาพบุ
คคลและ
ภาพสั
ตว์
เข้
ามาประกอบมากมาย พบรู
ปบุ
คคลขนาดใหญ่
มี
10 กร แสดงอาการกํ
าลั
งฟ้
อนรํ
าเหนื
หงส์
แบก 3 ตั
ว ซึ
งยื
นอยู
เหนื
อหน้
ากาล ทั
งลั
กษณะการแต่
งกายเป็
นการนุ ่
งผ้
าแบบโจงกระเบนสั
สวมกระบั
งหน้
าและชฎามงกุ
ฏ มี
พู
และดอกไม้
ประดั
บ สวมตุ
มหู
และกรองศอรู
ปสามเหลี่
ยม
ขนาดใหญ่
ประดั
บด้
วยลายเพชรพลอย เมื่
อพิ
จารณาภาพการแต่
งกายจากภาพจํ
าหลั
กปราสาทนคร
วั
ด พบนางอั
ปสราที่
แต่
งกายตามแบบศิ
ลปะขอมโบราณ เมื่
อนํ
ามาพิ
จารณาร่
วมกั
บปราสาทศี
ขรภู
มิ
ทํ
าให้
มองเห็
นการแต่
งกายที่
เป็
นจุ
ดเด่
นชั
ดขึ
น เช่
นการสวมกระบั
งหน้
า การนุ ่
งผ้
า จั
บจี
บหย ั
กรั
ขึ
นมาด้
านหน้
าและปล่
อยชายพกทิ
งลง และการใส่
เครื่
องประดั
บทั
งข้
อมื
อ ข้
อเท้
า รั
ดต้
นแขน เข็
ขั
ด ตลอดจนการประดั
บทั
ดดอกไม้
เหล่
านี
ที่
สามารถสะท้
อนให้
เห็
นวั
ฒนธรรมของคนในภู
มิ
ภาค
นี
จึ
งได้
นํ
ารู
ปแบบการแต่
งกายมาสร้
างเป็
นเครื่
องแต่
งกายประกอบระบํ
าที่
คิ
ดประดิ
ษฐ์
ขึ
ด้
านท่
ารํ
าจะใช้
ท่
ารํ
าพื
นบ้
านสุ
ริ
นทร์
ผสมผสานกั
บท่
ารํ
าจากภาพศิ
ลาจํ
าหลั
ก และท่
ารํ
ที่
เป็
นแบบแผนจากนาฏศิ
ลป์
ที่
เป็
นแบบแผนจากราชสํ
านั
ก เพราะท่
ารํ
าศิ
วนาฏราชบนทั
บหลั
ปรางค์
ประธานปราสาทศี
ขรภู
มิ
แผ่
นนี
พระศิ
วะทรงร่
ายรํ
าในท่
าที่
ไม่
รุ
นแรงนั
ก พระบาททั
งสอง
ของพระศิ
วะทรงเหยี
ยบอยู
เหนื
อหงส์
แบก 3 ตั
ว ซึ
งโดยปกติ
แล้
วพระอิ
ศวรไม่
ทรงหงส์
เป็
พาหนะ ผู
ทรงหงส์
เป็
นพาหนะนั
น คื
อ พระพรหมเทพผู
รั
กษาทิ
ศเบื
องบนและพระวรุ
ณเทพผู
รั
กษา
ทิ
ศตะวั
นตก ซึ
งสมมาตร ผลเกิ
ด ได้
ให้
ข้
อสั
งเกตว่
าการที่
มี
รู
ปหงส์
แบกอยู
เบื
องล่
างพระอิ
ศวรนั
คงหมายถึ
งการฟ้
อนรํ
าของพระอิ
ศวรบนสวรรค์
เพราะเทพที่
ประทั
บนั
4 องค์
ได้
แก่
พระอุ
มา
พระนารายณ์
พระพรหม และพระคเณศ ล้
วนเป็
นเทพในศาสนาพราหมณ์
(สมมาตร ผลเกิ
ด.
2536 : 1 – 2) จากภาพศิ
ลาจํ
าหลั
กดั
งกล่
าว ผู
เขี
ยนจึ
งได้
นํ
ารู
ปแบบท่
ารํ
ามาผสมผสานท่
าฟ้
อน
พื
นบ้
าน และลี
ลาท่
ารํ
าจากนาฏศิ
ลป์
ที่
เป็
นแบบแผนจากราชสํ
านั
ก ประกอบกั
บทํ
านองเพลงกั
นตรึ
โดยเลื
อกเพลงให้
เหมาะสม โดยตั
งชื่
อระบํ
าชุ
ดนี
ว่
า “ระบํ
าอั
ปสรสราญ” ซึ
งหมายถึ
ง นางอั
ปสร
กํ
าลั
งฟ้
อนรํ
าอย่
างสนุ
กสนาน การแสดงชุ
ดนี
ใช้
แสดงในงานนั
กขั
ตฤกษ์
หรื
องานมงคลทั ่
วไป ได้
นํ