Page 98 - งานวิจัย - www.culture.go.th/research

Basic HTML Version

๘๘
ความคลี่
คลายเปลี่
ยนแปลงด้
านภู
มิ
ปั
ญญาที่
ปรากฏในการแสดงลิ
เก
ภู
มิ
ปั
ญญาที่
ปรากฏในการแสดงลิ
เกดั
งได้
กล่
าวมาแล้
วทั้
งในด้
านภาษาด้
านนาฏศิ
ลป์
ด้
านเพลง
และดนตรี
ด้
านการแต่
งกาย แต่
งหน้
า และด้
านเวที
ฉาก แสง สี
เสี
ยง แสดงให้
เห็
นถึ
งความรู้
ความคิ
ความสามารถ ทั
กษะที่
เกิ
ดขึ้
นจากการเรี
ยนรู้
การฝึ
กฝน สั่
งสมประสบการณ์
ที่
ผ่
านมา มี
การปรั
บปรุ
พั
ฒนาและถ่
ายทอดสื
บต่
อกั
นมาจนถึ
งปั
จจุ
บั
น ภู
มิ
ปั
ญญาที่
ปรากฏในการแสดงลิ
เกมี
ลั
กษณะเฉพาะ หรื
อมี
เอกลั
กษณ์
ในตั
วเอง ซึ่
งสอดคล้
องกั
บที่
วิ
มล จิ
โรจน์
พั
นธ์
และคณะ ๒๕๔๘ : ๑๒๔) กล่
าวไว้
ว่
า ภู
มิ
ปั
ญญา
ไทยมี
ลั
กษณะเฉพาะ หรื
อมี
เอกลั
กษณ์
ในตั
วเอง และ ภู
มิ
ปั
ญญาไทยมี
การเปลี่
ยนแปลงเพื่
อการปรั
บสมดุ
ในพั
ฒนาการทางสั
งคมตลอดเวลา
ดั
งนั้
นภู
มิ
ปั
ญญาบางอย่
างของลิ
เกจึ
งมี
การคลี่
คลายเปลี่
ยนแปลงในลั
กษณะที่
พั
ฒนาขึ้
น หรื
อดี
ขึ้
นกว่
าเดิ
ม แต่
หลายอย่
างมี
ลั
กษณะคงเดิ
ม เพราะลิ
เกต้
องการรั
กษาความเป็
นเอกลั
กษณ์
ของลิ
เกไว้
ถ้
เปลี่
ยนแปลงไปทั้
งหมดย่
อมจะขาดความเป็
นลิ
เก ความคลี่
คลายเปลี่
ยนแปลงด้
านภู
มิ
ปั
ญญาที่
ปรากฏใน
การแสดงลิ
เกมี
ดั
งนี้
๑. ด้
านภาษา
จุ
ดเริ่
มต้
นของลิ
เกมี
ที่
มาจากการสวดบู
ชาเทพเจ้
าของมุ
สลิ
ม ดั
งนั้
นภาษาที่
ใช้
แต่
เดิ
มจึ
งเป็
ภาษาแขก ต่
อมามี
การขั
บร้
องเป็
นท่
วงทํ
านองภาษาต่
าง ๆ ที่
เรี
ยกว่
า สื
บสองภาษา ครั้
นเมื่
อลิ
เกนํ
แบบอย่
างละครมาใช้
จึ
งนํ
าคํ
าร้
องจากบทละครมาร้
องเป็
นทํ
านองเพลงไทยชั้
นเดี
ยว และเพลงสองชั้
ต่
อมาครู
ดอกดิ
น เสื
อสง่
า แต่
งเพลงร้
องสํ
าหรั
บลิ
เกที่
เรี
ยกว่
า รานิ
เกลิ
ง และครู
หอมหวล นาคศิ
ริ
ได้
ดั
ดแปลงให้
เหมาะสมกั
บการขั
บร้
องประกอบการแสดงลิ
เกมากขึ้
นจึ
งใช้
เป็
นแบบแผนของการร้
องลิ
เกมา
จนถึ
งปั
จจุ
บั
ด้
านการประพั
นธ์
เนื้
อเรื่
อง ส่
วนใหญ่
ลิ
เกจะนํ
าเรื่
องเดิ
มที่
มี
อยู่
ก่
อนแล้
วมาแสดง แต่
มี
การ
ปรั
บเปลี่
ยนรายละเอี
ยดให้
ทั
นยุ
คสมั
ยมากขึ้
น รวมทั้
งมี
การแต่
งเรื่
องใหม่
ๆ ที่
สะท้
อนภาพสั
งคมและ
เหตุ
การณ์
ปั
จจุ
บั
น ส่
วนเรื่
องในวรรณคดี
หรื
อเรื่
องจั
กร ๆ วงศ์
ๆ อย่
างในสมั
ยก่
อนไม่
นิ
ยมนํ
ามาแสดง จะมี
บ้
างในบางโอกาสเท่
านั้
การขั
บร้
องและเจรจา ยั
งขั
บร้
องทํ
านองรานิ
เกลิ
งเป็
นหลั
ก มี
ทํ
านองเพลงไทยสองชั้
น ชั้
เดี
ยวประกอบบ้
าง แต่
ข้
อความหรื
อถ้
อยคํ
าที่
ร้
องและเจรจานั้
นเป็
นคํ
าที่
ใช้
ตามสมั
ยนิ
ยม เน้
นความไพเราะ
สละสลวยและมั
กใช้
สํ
านวนที่
เป็
นความเปรี
ยบ การใช้
คํ
าราชาศั
พท์
พั
ฒนาไปในทางถู
กต้
องตามหลั
กเกณฑ์
มากขึ้
น และใช้
ภาษาที่
แทรกมุ
กตลกเพื่
อสร้
างความสนุ
กสนาน
๒. ด้
านนาฏศิ
ลป์
การรํ
าของลิ
เกมี
ความคลี่
คลายเปลี่
ยนแปลงมาตามลํ
าดั
บ เริ่
มจากการแสดงในยุ
คแรก
ที่
ไม่
มี
การรํ
า เพี
ยงแต่
เป็
นการร้
องหรื
อสวดบู
ชาเทพเจ้
าของมุ
สลิ
มที่
ใช้
รํ
ามะนาเป็
นเครื่
องประกอบจั
งหวะ
จากนั้
นพั
ฒนาเป็
นลิ
เกบั
นตน จนถึ
งลิ
เกลู
กบทที่
แสดงเป็
นเรื่
องอย่
างละคร จึ
งมี
การร้
องและรํ
าอย่
างละคร
แต่
การรํ
าของลิ
เกไม่
เคร่
งครั
ดตามมาตรฐานอย่
างละคร เพราะต้
องดํ
าเนิ
นเรื่
องให้
เร็
วถู
กใจผู้
ชม การรํ
าของ
ลิ
เกประกอบด้
วย รํ
าเพลง รํ
าใช้
บท(ตี
บท) และรํ
าชุ
ด ซึ่
งปั
จจุ
บั
นนี้
ยั
งรั
กษาแบบแผนการรํ
าไว้
เป็
นส่
วน
สํ
าคั
ญของการแสดงลิ
เก จนถึ
งกั
บมี
การพั
ฒนาการรํ
าไปตามยุ
คสมั
ยและนํ