Page 41 - งานวิจัย - www.culture.go.th/research

Basic HTML Version

๓๑
๓.๔ การไม่
หลงใหลในอบายมุ
๓.๕ การมี
สติ
และการยั
บยั้
งชั่
งใจ
๓.๖ การมี
คุ
ณธรรม
๓.๗ การยึ
ดมั่
นตามครรลองของกฎหมาย และประเพณี
ที่
ดี
งามของสั
งคม
๓.๘ การดํ
าเนิ
นงานตามศั
กยภาพเป็
นไปตามขั้
นตอนเพื่
อให้
เกิ
ดความก้
าวหน้
โดยไม่
ทํ
าให้
ตนเองและผู้
อื่
นเดื
อดร้
อน
๓.๙ การพร้
อมรั
บต่
อการเปลี่
ยนแปลงอย่
างรวดเร็
วและกว้
างขวางทางด้
านวั
ตถุ
สั
งคม สิ่
งแวดล้
อม วั
ฒนธรรม ตลอดจนความก้
าวหน้
าทั
นต่
อโลกยุ
คโลกาภิ
วั
ตน์
๓.๑๐ การพั
ฒนาและปรั
บปรุ
งตั
วเองให้
อยู่
ในสั
งคมอย่
างมี
ความสุ
จากกรอบแนวคิ
ดเศรษฐกิ
จพอเพี
ยงอั
นประกอบด้
วยความพอประมาณ ความมี
เหตุ
ผล และ
การมี
ภู
มิ
คุ้
มกั
นที่
ดี
ในตั
ว ดั
งกล่
าว จะเห็
นว่
าสามารถนํ
ามาประยุ
กต์
ใช้
กั
บการแสดงลิ
เกได้
เป็
นอย่
างดี
ดั
งนั้
นในการศึ
กษาเรื่
องแนวทางการพั
ฒนาลิ
เกที่
จะได้
ข้
อมู
ลจากการสั
มภาษณ์
ศิ
ลปิ
นลิ
เกและ
ผู
เกี่
ยวข้
องนั้
น ผู้
วิ
จั
ยจึ
งตั้
งคํ
าถามเกี่
ยวกั
บการนํ
าหลั
กเศรษฐกิ
จพอเพี
ยงมาประยุ
กต์
ใช้
ในการดํ
าเนิ
ชี
วิ
ตด้
วย
ในบทที่
๒ ที่
ว่
าด้
วยการทบทวนวรรณกรรมนี้
ผู้
วิ
จั
ยนํ
ามาสร้
างกรอบแนวคิ
ดเพื่
อเป็
นการ
สรุ
ปสาระ ดั
งปรากฏในแผนภู
มิ
ต่
อไปนี้