Page 39 - งานวิจัย - www.culture.go.th/research

Basic HTML Version

๒๙
การนํ
าปรั
ชญาเศรษฐกิ
จพอเพี
ยงมาใช้
ในชี
วิ
ตประจํ
าวั
นมี
หั
วใจสํ
าคั
ญอยู่
ที่
การเชื่
อมโยงคุ
ณค่
เศรษฐกิ
จพอเพี
ยงให้
เข้
ากั
บคุ
ณค่
าทางศาสนาและวั
ฒนธรรมของคนและสั
งคม โดยต้
องนํ
ามาปฏิ
บั
ติ
จริ
เป็
นรู
ปธรรมเท่
านั้
น จึ
งจะนํ
าสั
งคมและตนเองให้
เจริ
ญรอยตามเบื้
องพระยุ
คลบาทได้
อย่
างแท้
จริ
พิ
สิ
ฐ ลี้
อาธรรม (๒๕๔๙ : ๙) กล่
าวว่
า เศรษฐกิ
จพอเพี
ยงเป็
นปรั
ชญาชี้
แนวทางการดํ
ารงอยู่
และ
ปฏิ
บั
ติ
ของประชาชนในทุ
กระดั
บ ตั้
งแต่
ระดั
บครอบครั
ว ระดั
บชุ
มชน จนถึ
งระดั
บรั
ฐ ทั้
งในการพั
ฒนาและ
บริ
หารประเทศให้
ดํ
าเนิ
นไปในทางสายกลาง มี
ความพอเพี
ยง รวมถึ
งความจํ
าเป็
นที่
จะต้
องมี
ระบบ
ภู
มิ
คุ้
มกั
นที
ดี
ในตั
วพอสมควรต่
อการมี
ผลกระทบใด ๆ อั
นเกิ
ดจากการเปลี่
ยนแปลงทั้
งภายนอกและภายใน
ซึ่
งจะต้
องอาศั
ยความรอบรู้
ความรอบคอบ และความระมั
ดระวั
งในการนํ
าวิ
ชาต่
าง ๆ มาใช้
ในการวางแผน
และดํ
าเนิ
นการทุ
กขั้
นตอน
อภิ
ชั
ย พั
นธเสน (๒๕๔๙ : ๘๙) กล่
าวว่
า เศรษฐกิ
จพอเพี
ยงเป็
นแนวคิ
ดที่
ยึ
ดหลั
กทางสายกลาง
คํ
าว่
า ความพอเพี
ยง นั้
นหมายถึ
ง ความพร้
อมที่
จะจั
ดการกั
บผลกระทบที่
เกิ
ดขึ้
นจากทั้
งภายนอกและ
ภายใน ระบบเศรษฐกิ
จแบบพอเพี
ยงยั
งสามารถมองได้
ว่
าเป็
นปรั
ชญาในการดํ
ารงชี
วิ
ตให้
มี
ความสุ
ขที่
จํ
าเป็
นต้
องใช้
ทั้
งความรู้
ความเข้
าใจ ผนวกกั
บคุ
ณธรรมในการดํ
าเนิ
นชี
วิ
ต เศรษฐกิ
จพอเพี
ยงไม่
ใช่
เพี
ยงการ
ประหยั
ด แต่
เป็
นการดํ
าเนิ
นชี
วิ
ตอย่
างชาญฉลาด และสามารถอยู่
ได้
แม้
ในสภาพที่
มี
การแข่
งขั
นและการไหล่
บ่
าของโลกาภิ
วั
ตน์
นํ
าสู่
ความสมดุ
ล มั่
นคง และยั่
งยื
นของชี
วิ
ต เศรษฐกิ
จ และสั
งคม
ประเวศ วะสี
(๒๕๔๔ : ๑๑๑ – ๑๑๓) อธิ
บายเรื่
องเศรษฐกิ
จพอเพี
ยงไว้
สามารถสรุ
ปได้
ดั
งนี้
เศรษฐกิ
จพอเพี
ยง ไม่
ได้
แปลว่
า ไม่
เกี่
ยวข้
องกั
บใคร ไม่
ค้
าขาย ไม่
ส่
งออก ไม่
ผลิ
ตเพื่
อคนอื่
น ไม่
ทํ
าเศรษฐกิ
จมหภาค หากแต่
หมายถึ
งความเพี
ยงพออย่
างน้
อย ๗ ประการ ดั
งนี้
๑. การพอเพี
ยงสํ
าหรั
บทุ
กคน ทุ
กครอบครั
ว ไม่
ใช่
เศรษฐกิ
จแบบทอดทิ้
งกั
๒. จิ
ตใจพอเพี
ยง ทํ
าให้
รั
กและเอื้
ออาทรคนอื่
นได้
คนที่
ไม่
พอจะรั
กคนอื่
น ๆ ไม่
เป็
นและทํ
าลายกั
นมาก
๓. สิ่
งแวดล้
อมพอเพี
ยง การอนุ
รั
กษ์
และเพิ่
มพู
นสิ่
งแวดล้
อมทํ
าให้
ยั
งชี
พและทํ
ามาหากิ
นได้
เช่
ทํ
าเกษตรผสมผสาน ซึ่
งได้
ทั้
งอาหาร ได้
ทั้
งสิ่
งแวดล้
อม และได้
ทั้
งเงิ
๔. ชุ
มชนเข้
มแข็
งพอเพี
ยง การรวมตั
วกั
นเป็
นชุ
มชนที่
เข้
มแข้
งจะทํ
าให้
สามารถแก้
ปั
ญหาต่
าง ๆ
ได้
เช่
น ปั
ญหาสั
งคม ปั
ญหาความยากจน หรื
อปั
ญหาสิ่
งแวดล้
อม
๕. ปั
ญญาพอเพี
ยง มี
การเรี
ยนรู้
ร่
วมกั
นในการปฏิ
บั
ติ
และปรั
บตั
วได้
อย่
างต่
อเนื่
อง
๖. การอยู่
บนพื้
นฐานวั
ฒนธรรมพอเพี
ยง วั
ฒนธรรมหมายถึ
ง วิ
ถี
ชี
วิ
ตของกลุ่
มชนที่
สั
มพั
นธ์
อยู่
กั
สิ่
งแวดล้
อมที่
หลากหลาย เศรษฐกิ
จควรสั
มพั
นธ์
และเติ
บโตขึ้
นจากฐานทางวั
ฒนธรรมจึ
งจะมั่
นคง
๗. การมี
ความมั่
นคงพอเพี
ยง ไม่
ใช้
วู
บวาบ เดี๋
ยวจนเดี๋
ยวรวยแบบกะทั
นหั
น เดี๋
ยวตกงานไม่
มี
กิ
ไม่
มี
ใช้
ถ้
าเป็
นแบบนั้
นประสาทมนุ
ษย์
คงทนไม่
ไหวต่
อความผั
นผวนที่
เกิ
ดนี้
จึ
งทํ
าให้
สุ
ขภาพจิ
ตเสี
ยเครี
ยด
เพี้
ยน รุ
นแรง ฆ่
าตั
วตาย ติ
ดยา เศรษฐกิ
จพอเพี
ยงที่
มั่
นคงทํ
าให้
สุ
ขภาพจิ
ตดี
เมื่
อทุ
กอย่
างพอเพี
ยงก็
เกิ
ดความสมดุ
ล ความสมดุ
ลคื
อ ความเป็
นปกติ
และความยั่
งยื
น นี่
คื
เศรษฐกิ
จทางสายกลาง หรื
อเศรษฐกิ
จแบบมั
ชฌิ
มาปฏิ
ปทา เพราะเชื่
อมโยงทุ
กเรื่
องเข้
าด้
วยกั
น ทั้
เศรษฐกิ
จ จิ
ตใจ สั
งคม วั
ฒนธรรม สิ่
งแวดล้
อม ที่
จริ
งคํ
าว่
า เศรษฐกิ
จ เป็
นคํ
าที่
มี
ความหมายที่
ดี
หมายถึ
ความเจริ
ญที่
เชื่
อมโยงกาย ใจ สั
งคม วั
ฒนธรรม และสิ่
งแวดล้
อมเข้
าด้
วยกั