Page 11 - งานวิจัย - www.culture.go.th/research

Basic HTML Version

บทที่
บทนํ
ความเป็
นมาของการวิ
จั
ประเทศไทยมี
วั
ฒนธรรมที่
เจริ
ญรุ่
งเรื
องเป็
นเอกลั
กษณ์
อั
นโดดเด่
นของชาติ
ประกอบด้
วยศาสนา
ภาษา วรรณกรรม ศิ
ลปกรรม นาฏศิ
ลป์
ดนตรี
โบราณสถาน โบราณวั
ตถุ
ตลอดจนขนบธรรมเนี
ยม
ประเพณี
ที่
เป็
นแบบแผนและวิ
ถี
ชี
วิ
ตอั
นดี
งาม สิ่
งเหล่
านี้
เป็
นมรดกอั
นทรงคุ
ณค่
าที่
มี
การรั
กษา สื
บทอด
พั
ฒนาจากอดี
ตจนถึ
งปั
จจุ
บั
น นั
บเป็
นความภาคภู
มิ
ใจอย่
างยิ่
งที่
เรามี
วั
ฒนธรรมเป็
นสิ่
งที่
แสดงถึ
ลั
กษณะเฉพาะของชาติ
และความเป็
นอั
นหนึ่
งอั
นเดี
ยวกั
นของคนในชาติ
ซึ่
งเป็
นรากฐานสํ
าคั
ญยิ่
งของ
ความเป็
นปึ
กแผ่
นมั่
นคงของประเทศชาติ
ดั
งนั้
นคนไทยจึ
งควรช่
วยกั
นอนุ
รั
กษ์
เผยแพร่
สื
บทอด และ
พั
ฒนามรดกวั
ฒนธรรมอั
นดี
งามนี้
ให้
คงอยู่
คู่
ชาติ
สื
บไป
นั
บตั้
งแต่
มี
การสถาปนาสํ
านั
กงานคณะกรรมการวั
ฒนธรรมแห่
งชาติ
ขึ้
นในปี
พุ
ทธศั
กราช ๒๕๒๒
จนกระทั่
งปรั
บเปลี่
ยนมาเป็
น กรมส่
งเสริ
มวั
ฒนธรรม ตั้
งแต่
วั
นที่
๒๔ กั
นยายน ๒๕๕๓ กรมส่
งเสริ
วั
ฒนธรรมได้
ดํ
าเนิ
นการในการศึ
กษาค้
นคว้
า อนุ
รั
กษ์
ส่
งเสริ
ม เผยแพร่
ฟื้
นฟู
และพั
ฒนาวั
ฒนธรรม
โดยเฉพาะอย่
างยิ่
งวั
ฒนธรรมพื้
นบ้
านอย่
างต่
อเนื่
องตลอดมา โดยการกํ
าหนดนโยบายยุ
ทธศาสตร์
มาตรการ โครงการ และกิ
จกรรมต่
าง ๆ ที่
จะตอบสนองต่
อภารกิ
จดั
งกล่
าว นอกจากนี้
ยั
งส่
งเสริ
มหน่
วยงาน
ของรั
ฐ เอกชน และประชาชนที่
ดํ
าเนิ
นงานด้
านวั
ฒนธรรม รวมทั้
งดํ
าเนิ
นงานเกี่
ยวกั
บการประสานงาน
แลกเปลี่
ยนด้
านวั
ฒนธรรมให้
มี
ส่
วนร่
วมด้
วย
ในปี
งบประมาณ ๒๕๕๓ สํ
านั
กงานคณะกรรมการวั
ฒนธรรมแห่
งชาติ
มี
นโยบายให้
ทุ
นสนั
บสนุ
การวิ
จั
ยด้
านวั
ฒนธรรม โดยกํ
าหนดกรอบการวิ
จั
ยและพั
ฒนาทางวั
ฒนธรรมคื
อ เน้
นการวิ
จั
ยและ
ขั
บเคลื่
อนยุ
ทธศาสตร์
การเสริ
มสร้
างความเข้
มแข็
งทางวั
ฒนธรรมของสั
งคมไทย เน้
นการวิ
จั
ยเพื่
อแก้
ไข
ปั
ญหาวิ
กฤติ
ทางวั
ฒนธรรม และเน้
นการวิ
จั
ยเพื่
ออนุ
รั
กษ์
พั
ฒนา และต่
อยอดวั
ฒนธรรมโดยการนํ
ามิ
ติ
ทาง
วั
ฒนธรรม ภู
มิ
ปั
ญญา และปรั
ชญาเศรษฐกิ
จพอเพี
ยงในการอนุ
รั
กษ์
และพั
ฒนาวั
ฒนธรรม ซึ่
งนโยบาย
ดั
งกล่
าวทํ
าให้
ผู้
วิ
จั
ยเกิ
ดแรงบั
นดาลใจที่
จะมี
ส่
วนร่
วมในการอนุ
รั
กษ์
และพั
ฒนามรดกวั
ฒนธรรมของชาติ
โดยพิ
จารณาเห็
นว่
าการแสดงลิ
เก เป็
นมรดกภู
มิ
ปั
ญญาทางวั
ฒนธรรมที่
ควรอนุ
รั
กษ์
และพั
ฒนาอย่
างยิ่
ลิ
เก เป็
นศิ
ลปะการแสดงพื้
นบ้
านที่
อยู่
คู่
กั
บวิ
ถี
ชี
วิ
ตคนไทยมาเป็
นเวลายาวนาน จนกระทั่
งปั
จจุ
บั
นี้
ก็
ยั
งได้
รั
บความนิ
ยมจากประชาชนอย่
างแพร่
หลาย โดยเฉพาะอย่
างยิ่
งในพื้
นที่
ภาคกลางทั้
งใน
กรุ
งเทพมหานคร และจั
งหวั
ดอื่
น ๆ เมื่
อมี
งานเฉลิ
มฉลองใด ๆ ก็
มั
กจะหาลิ
เกมาแสดงอยู่
เสมอ จาก
การศึ
กษาค้
นคว้
าของนั
กวิ
ชาการหลายท่
านทํ
าให้
ทราบว่
าลิ
เกเริ่
มมี
บทบาทสํ
าคั
ญและเป็
นที่
นิ
ยมของคน
ไทยมาตั้
งแต่
สมั
ยพระบาทสมเด็
จพระจุ
ลจอมเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
ว (รั
ชกาลที่
๕) แม้
จะมี
ที่
มาจากการแสดงของ
ชาวอิ
สลาม หรื
อแขกเจ้
าเซ็
นก็
ตาม แต่
ด้
วยภู
มิ
ปั
ญญาอั
นชาญฉลาดของคนไทย ได้
มี
การนํ
ามาผสมผสาน
กั
บการแสดงละครให้
มี
ความสอดคล้
องกั
บสั
งคมไทย จึ
งทํ
าให้
เกิ
ดการแสดงชนิ
ดใหม่
คื
อ ยี่
เก หรื
อลิ
เก
ขึ้
นมาจนเป็
นที่
นิ
ยมกั
นแพร่
หลายของชาวพระนครในสมั
ยนั้
น ต่
อมาในสมั
ยพระบาทสมเด็
จพระมงกุ
ฎเกล้
เจ้
าอยู่
หั
ว (รั
ชกาลที่
๖) การแสดงลิ
เกได้
ขยายออกไปสู่
ชนบทอย่
างกว้
างขวางจนเป็
นมหรสพสํ
าคั
ญที่
ประชาชนตามเมื
องต่
าง ๆ ให้
ความนิ
ยมชมชอบอย่
างขึ้
นหน้
าขึ้
นตาถึ
งกั
บมี
การจั
ดถวายให้
พระเจ้
าแผ่
นดิ
ทอดพระเนตรในระหว่
างที่
เสด็
จพระราชดํ
าเนิ
นไปเยี่
ยมเยื
อนเมื
องนั้
น ๆ พระบาทสมเด็
จพระมงกุ
ฎเกล้
เจ้
าอยู่
หั
วทรงสนพระราชหฤทั
ย และทรงพระราชนิ
พนธ์
เค้
าโครงเรื่
องให้
ข้
าราชการกรมมหรสพแสดงลิ
เก
เรื่
องพระหั
นอากาศ ถึ
งสองครั้
งนั
บว่
าลิ
เกในสมั