การจัดการมรดกวัฒนธรรมในพื้นที่ขัดแย้ง กรณีศึกษา ตานานมัสยิดกรือเซะ มุ่งพิจารณามรดกวัฒนธรรมตานานมัสยิดกรือเซะและวิธีการจัดการมรดกวัฒนธรรมตานานมัสยิดกรือเซะของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียซึ่งประกอบด้วยผู้ให้ข้อมูลสาคัญ 6 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้สืบทอดมรดกวัฒนธรรม กลุ่มคนใน กลุ่มคนนอก กลุ่มภาครัฐ กลุ่มสถาบันการศึกษา และกลุ่มสื่อ ทั้งนี้เนื่องเพราะตานานมัสยิดกรือเซะ เป็นมรดกวัฒนธรรมที่มีบทบาทสาคัญในการแสดงออกเชิงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์มลายูมุสลิม ขณะเดียวกันตานานมัสยิดกรือเซะยังประกอบด้วยความขัดแย้งของตานานที่ขัดกันและยังเป็นมรดกวัฒนธรรมที่ดารงอยู่ในพื้นที่ขัดแย้ง ตานานมัสยิดกรือเซะเคยเป็นเรื่องเล่าที่ถูกรื้อฟื้นขึ้นเพื่อประกอบสร้างกระแสการท่องเที่ยวมายังบ้านกรือเซะ หมู่ 3 ต.ตันหยงลุโละ อ.เมือง จ.ปัตตนี โดยมีแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวสาคัญคือมัสยิดกรือเซะและสุสานเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวซึ่งตั้งอยู่เคียงข้างกัน กระแสการท่องเที่ยวมายังสุสานเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวนี้ได้โหมกระพือเรื่องเล่ามูลเหตุที่มัสยิดกรือเซะสร้างไม่เสร็จว่ามีที่มาจากคาสาปแช่งของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ปัญหาของการรื้อฟื้นตานานเกี่ยวกับมัสยิดกรือเซะนั้นเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับกระแสฟื้นฟูอิสลามแพร่สะพัดไปทั่วปัตตานี (ชัยวัฒน์ สถาอานันท์, 1993) ทาให้เกิดการประท้วงของชาวมุสลิมที่มัสยิดกรือเซะที่ตั้งคาถามต่อประเด็นคาสาปแช่งและสถานภาพการเป็นโบราณสถานของมัสยิดกรือเซะด้วย ไม่เพียงตานานมัสยิดกรือเซะจะถูกเรื่องเล่าเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวที่ถูกกล่าวขานจนเกิดการเบียดบังอัตลักษณ์ของคนต่างศาสนาต่างชาติพันธุ์เท่านั้น มัสยิดกรือเซะเองยังประกอบด้วยเรื่องเล่าเกี่ยวกับมัสยิดหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่เรื่องต้นกาเนิดมัสยิดที่ปรากฎการให้ข้อมูลยุคสมัยที่ไม่ตรงกัน