การวิจัยเรื่องนี้ มีวัตถุประสงค์ 1. วิเคราะห์เนื้อหาหนังสือด้านวัฒนธรรมไทยที่หน่วยงานต่าง ๆ ของกรมศิลปากรผลิตระหว่าง พ.ศ. 2489 – 2539 2. จัดกลุ่มเนื้อหาสารนิเทศตามระบบการจัดหมู่แบบทศนิยมดิวอี้ 3. จัดทำสาระสังเขปบรรณานุกรม และกำหนดคำสำคัญหรือหัวเรื่องเพื่อใช้เป็นดัชนีช่วยการเข้าถึงสารนิเทศ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว 4. ประเมินความถูกต้องและความเหมาะสมของดัชนีสาระสังเขปและบรรณานุกรมที่ใช้ในการเข้าถึงสารนิเทศด้านวัฒนธรรมไทย
ในการดำเนินการวิจัย ผู้วิจัยได้เก็บข้อมูลโดยสร้างเครื่องมือขึ้น 3 ชุด คือ แบบบันทึกข้อมูลบัญชีประมวลแบบบันทึกข้อมูลสิ่งพิมพ์ และแบบประเมินคำสำคัญหรือหัวเรื่องที่นำมาใช้เป็นดัชนีหนังสือที่มีเนื้อหาด้านวัฒนธรรมไทย จำนวน 698 เล่ม ได้รับการวิเคราะห์เนื้อหาและจัดกลุ่มเนื้อหา หาการวิจัยเสนอข้อมูลโดยการแสดงค่าร้อยละและอภิปรายเชิงพรรณนา
ผลการศึกษาพบว่า
1. สำนักโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเป็นหน่วยงานที่ผลิตหนังสือด้านวัฒนธรรมไทยมากที่สุดในรอบ 50 ปี แห่งการเสวยสิริราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช (พ.ศ. 2489 – 2539) และรองลงมาคือ กองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ ส่วนสถาบันศิลปกรรมไม่มีการผลิตหนังสือเผยแพร่เลย
2. การวิเคราะห์เนื้อหาของหนังสือพบว่า กรมศิลปากรผลิตหนังสือด้านวัฒนธรรมไทย หมวด 900 มากที่สุด รองลงมา คือหมวด 700
3. ในการประเมินคำสำคัญหรือหัวเรื่องที่ใช้เป็นดัชนีเพื่อช่วยการเข้าถึงสารสนเทศด้านวัฒนธรรมไทยพบว่า จากการกำหนดคำสำคัญและหัวเรื่อง จำนวน 1,865 รายการผู้เชี่ยวชาญเห็นด้วยกับการกำหนดคำสำคัญหรือหัวเรื่องมีจำนวน 1,860 รายการ คิดเป็นร้อยละ 96.19 ของจำนวนรายการคำสำคัญและหัวเรื่องทั้งหมด ทั้งนี้มีคำสำคัญที่ผู้เชี่ยวชาญเสนอแนะเพิ่มเติมอีกจำนวน 445 รายการ ซึ่งจัดเป็นศัพท์อิสระ คิดเป็นร้อยละ 20 ของจำนวนคำสำคัญที่มีอยู่เดิม
จากการศึกษาพบว่าการกำหนดคำสำคัญและหัวเรื่องโดยใช้คำศัพท์ควบคุมคู่กับศัพท์อิสระ เป็นที่ยอมรับว่าใช้เป็นเครื่องช่วยการเข้าถึงสารนิเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ